พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/93/232 233 234

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
เล่ม 30
หน้า 93
ทั้งปวงไม่เที่ยง ฯลฯ สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลล้วนมีความดับไปเป็น ธรรมดา. คำว่า เป็นผู้มีสติ ความว่า มีสติด้วยเหตุ ๔ ประการ คือ มีสติเจริญสติปัฏฐานเครื่อง พิจารณาเห็นกายในกาย ฯลฯ บุคคลนั้นตรัสว่า เป็นผู้มีสติ. คำว่า เที่ยวไป ความว่า เที่ยวไป เที่ยวไปทั่ว ผลัดเปลี่ยนอิริยาบถ ประพฤติ รักษา บำรุง เยียวยา เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ที่รู้แจ้งแล้ว เป็นผู้มีสติเที่ยวไป.
[๒๓๒] ตัณหา ราคะ สาราคะ ฯลฯ อภิชฌา โลภะ อกุศลมูลตรัสว่า ตัณหาอัน ซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ ในอุเทศว่า "ตเร โลเก วิสตฺติกํ" คำว่า วิสตฺติกา ความว่า ตัณหาชื่อวิสัตติกา เพราะอรรถว่ากระไร? ฯลฯ เพราะอรรถว่า ซ่านไป กว้างขวาง เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า วิสัตติกา. คำว่า โลเก คือ ในอบายโลก ฯลฯ ในอายตนโลก. คำว่า พึงข้ามตัณหาอันซ่านไป ในอารมณ์ต่างๆ ในโลก ความว่า พึงเป็นผู้มีสติข้าม คือ ข้ามขึ้น ข้ามพ้น ก้าวล่วง เป็นไปล่วง ซึ่งตัณหาอันซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ ในโลกนั้น เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า พึงข้ามตัณหาอันซ่านไป ในอารมณ์ต่างๆ ในโลก. เพราะฉะนั้นพระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า เราจักบอกความสงบในธรรมที่เราเห็นแล้วอันประจักษ์ แก่ตน แก่ท่าน ที่บุคคลได้ทราบแล้ว เป็นผู้มีสติเที่ยวไป พึงข้าม ตัณหาอันซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ ในโลกได้.
[๒๓๓] ข้าแต่พระองค์ ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ข้าพระองค์ชอบใจ พระดำรัสของพระองค์นั้น และสันติอันสูงสุดที่บุคคล ทราบแล้ว เป็นผู้มีสติเที่ยวไป พึงข้ามตัณหาอันซ่านไปใน อารมณ์ต่างๆ ในโลกได้.
[๒๓๔] คำว่า ตํ ในอุเทศว่า ตญฺจาหํ อภินนฺทามิ ความว่า ซึ่งพระดำรัส คือ ทางแห่ง ถ้อยคำ เทศนา อนุสนธิของพระองค์. คำว่า อภินนฺทามิ ความว่า ข้าพระองค์ย่อมยินดี ชอบใจ เบิกบาน อนุโมทนา พอใจ ปรารถนา รักใคร่ ติดใจ เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า ข้าพระองค์ย่อมชอบใจพระดำรัสของพระองค์นั้น.