พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/95/237 238 239 240 241
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ข้าพระองค์ชอบใจพระดำรัสของพระองค์นั้น
และสันติอันสูงสุดที่บุคคลทราบแล้ว เป็นผู้มีสติเที่ยวไป พึงข้ามตัณหาอันซ่านไปในอารมณ์
ต่างๆ ในโลกได้.
[๒๓๗] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรโธตกะ) ท่านย่อมรู้
ธรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นธรรมชั้นสูง ชั้นต่ำ และ
ชั้นกลางส่วนกว้าง ท่านรู้ธรรมนี้ว่า เป็นเครื่องข้องอยู่ในโลก
แล้วอย่าได้ทำตัณหาเพื่อภพน้อยและภพใหญ่.
[๒๓๘] คำว่า ท่านย่อมรู้ธรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ความว่า ท่านย่อมรู้ คือ ย่อมรู้แจ้ง
รู้แจ้งเฉพาะ แทงตลอดธรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ท่านย่อมรู้ธรรมอย่างใด
อย่างหนึ่ง. พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกพราหมณ์นั้นโดยชื่อว่า โธตกะ ในอุเทศว่า "โธตกาติ ภควา".
คำว่า ภควา นี้ เป็นเครื่องกล่าวโดยเคารพ ฯลฯ คำว่า ภควา นี้ เป็นสัจฉิกาบัญญัติ
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรโธตกะ.
[๒๓๙] พระผู้มีพระภาคตรัสอนาคตว่า ชั้นสูง ในอุเทศว่า "อุทธํ อโธ ติริยญฺจาปิ
มชฺเฌ" ดังนี้ ตรัสอดีตว่าชั้นต่ำ. ตรัสปัจจุบันว่า ชั้นกลางส่วนกว้าง. อีกอย่างหนึ่ง ตรัส
สุขเวทนาว่า ชั้นสูง. ตรัสทุกขเวทนาว่า ชั้นต่ำ. ตรัสอทุกขมสุขเวทนาว่า ชั้นกลางส่วนกว้าง.
ตรัสกุศลธรรมว่า ชั้นสูง. ตรัสอกุศลธรรมว่า ชั้นต่ำ. ตรัสอพยากตธรรมว่า ชั้นกลางส่วนกว้าง.
ตรัสเทวโลกว่า ชั้นสูง. ตรัสอบายโลกว่า ชั้นต่ำ. ตรัสมนุษยโลกว่า ชั้นกลางส่วนกว้าง. ตรัส
อรูปธาตุว่า ชั้นสูง. ตรัสกามธาตุว่า ชั้นต่ำ. ตรัสรูปธาตุว่า ชั้นกลางส่วนกว้าง. ตรัสส่วน
เบื้องบนตลอดถึงพื้นเท้าว่า ชั้นสูง. ตรัสส่วนเบื้องต่ำตลอดถึงปลายผมว่า ชั้นต่ำ. ตรัสส่วนกลาง
ว่า ชั้นกลางส่วนกว้าง. เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ชั้นสูง ชั้นต่ำ และชั้นกลางส่วนกว้าง.
[๒๔๐] คำว่า ท่านรู้แล้วซึ่งธรรมนั้นว่า เป็นเครื่องข้องในโลก ความว่า รู้ คือ ทราบ
เทียบเคียง พิจารณา ให้แจ่มแจ้ง ทำให้ปรากฎว่า ธรรมนี้เป็นเครื่องข้อง ธรรมชาตินี้เป็นเครื่อง
ขัดข้อง ธรรมชาตินี้เป็นเครื่องผูกพัน ธรรมนี้เป็นเครื่องกังวล เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า รู้แล้ว
ซึ่งธรรมนั้นว่า เป็นเครื่องข้องในโลก.
[๒๔๑] คำว่า อย่าได้ทำแล้วซึ่งตัณหาเพื่อภพน้อยและภพใหญ่ ความว่า รูปตัณหา
สัททตัณหา คันธตัณหา รสตัณหา โผฏฐัพพตัณหา ธรรมตัณหา.