นิทเทศแห่งนิโรธอริยสัจ
____________
นิทเทศ ๙ ว่าด้วยความดับแห่งตัณหา
(มี ๒๙ เรื่อง)
ที่ละไปดับไป แห่งตัณหา
ภิกษุ ท.! ตัณหานั้น เมื่อจะละไป ย่อมละไปในที่ไหน ? เมื่อจะดับไป ย่อมดับไป ในที่ไหน ?
ภิกษุ ท.! สิ่งใด มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ตัณหานั้น เมื่อจะละไป ย่อมละไป ในสิ่งนั้น ๆ, เมื่อจะดับไป ย่อมดับไป ในสิ่งนั้น ๆ,
ภิกษุ ท.! สิ่งใดเล่า มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก ?
ภิกษุ ท.! ตา มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, หู มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, จมูก มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ลิ้น มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, กาย มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ใจ มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก ; ตัณหานั้น เมื่อจะละไป ย่อมละไป ในสิ่งนั้น ๆ, เมื่อจะดับไป ย่อมดับไป ในสิ่งนั้น ๆ.
ภิกษุ ท.! รูป ทั้งหลาย มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, เสียงทั้งหลายมีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, กลิ่นทั้งหลาย มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, รสทั้งหลาย มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, โผฏฐัพพะทั้งหลาย มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ธรรมารมณ์ทั้งหลาย มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดี
ในโลก; ตัณหานั้น เมื่อจะละไป ย่อมละไปในสิ่งนั้น ๆ, เมื่อจะดับไปย่อมดับไปในสิ่งนั้น ๆ.
ภิกษุ ท.! วิญญาณทางตา มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, วิญญาณทางหู มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, วิญญาณทางจมูก มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, วิญญาณทางลิ้น มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, วิญญาณทางกาย มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, วิญญาณทางใจ มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก ; ตัณหานั้น เมื่อจะละ ย่อมละไป ในสิ่งนั้น ๆ, เมื่อจะดับย่อมดับไป ในสิ่งนั้น ๆ.
ภิกษุ ท.! สัมผัสทางตา มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, สัมผัสทางหู มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, สัมผัสทางจมูก มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, สัมผัสทางลิ้น มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, สัมผัสทางกายมีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, สัมผัสทางใจ มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก ; ตัณหานั้น เมื่อจะละไป ย่อมละไป ในสิ่งนั้น ๆ, เมื่อจะดับ ย่อมดับไปในสิ่งนั้น ๆ.
ภิกษุ ท.! เวทนาเกิดแต่สัมผัสทางตา มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, เวทนาเกิดแต่สัมผัสทางหู มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, เวทนาเกิดแต่สัมผัสทางจมูก มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, เวทนาเกิดแต่สัมผัสทางลิ้น มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, เวทนาเกิดแต่สัมผัสทางกาย มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, เวทนาเกิดแต่สัมผัสทางใจ มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก ; ตัณหานั้น เมื่อจะละ ย่อมละไป ในสิ่งนั้น ๆ, เมื่อจะดับ ย่อมดับไป ในสิ่งนั้น ๆ.
ภิกษุ ท.! ความหมายรู้ในรูป มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ความหมายรู้ในเสียง มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ความหมายรู้ในกลิ่น มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ความหมายรู้ในรส มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ความหมายรู้ในโผฏฐัพพะ มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ความ
หมายรู้ในธรรมารมณ์ มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก ; ตัณหานั้น เมื่อจะละ ย่อมละไป ในสิ่งนั้น ๆ, เมื่อจะดับ ย่อมดับไป ในสิ่งนั้น ๆ,
ภิกษุ ท.! ความคิดนึกในรูป มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ความคิดนึกในเสียง มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ความคิดนึกในกลิ่น มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ความคิดนึกในรส มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ความคิดนึกในโผฏฐัพพะ มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ความคิดนึกในธรรมารมณ์ มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก ; ตัณหานั้น เมื่อจะละ ย่อมละไป ในสิ่งนั้น ๆ, เมื่อจะดับไป ย่อมดับไป ในสิ่งนั้น ๆ.
ภิกษุ ท.! ตัณหาในรูป มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ตัณหาในเสียง มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ตัณหาในกลิ่น มีภาวะเป็นที่รัก ที่ยินดีในโลก, ตัณหาในรส มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ตัณหาในโผฏฐัพพะ มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ตัณหาในธรรมารมณ์ มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก ; ตัณหานั้น เมื่อจะละ ย่อมละไป ในสิ่งนั้น ๆ, เมื่อจะดับ ย่อมดับไปในสิ่งนั้น ๆ.
ภิกษุ ท.! ความตริตรึกในรูป มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ความตริตรึกในเสียง มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ความตริตรึกในกลิ่น มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ความตริตรึก ในรส มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ความตริตรึกในโผฏฐัพพะ มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ความตริตรึกในธรรมารมณ์ มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก ; ตัณหานั้น เมื่อจะละย่อมละไป ในสิ่งนั้น ๆ, เมื่อจะดับ ย่อมดับไป ในสิ่งนั้น ๆ.
ภิกษุ ท.! ความตริตรองในรูป มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ความตริตรองในเสียง มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ความตริตรองในกลิ่น
มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ความตริตรองในรส มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ความตริตรองในโผฏฐัพพะ มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก, ความตริตรองในธรรมารมณ์ มีภาวะเป็นที่รักที่ยินดีในโลก ; ตัณหานั้น เมื่อจะละไป ย่อมละไป ในสิ่งนั้น ๆ, เมื่อจะดับไป ย่อมดับไป ในสิ่งนั้น ๆ,-